ด่วน! กระทรวงกลาโหมเขมรแถลงเดือด

เมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ เรียกร้องประชาคมโลกให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อยุติการขยายปฏิบัติการทางทหารของไทยที่รุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา พร้อมกล่าวหาว่า ไทยมีแผนรุกรานไว้ล่วงหน้า ผ่าน แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. ก่อนจะเกิดเหตุปะทะชายแดนที่ ตาเมือนธม ในวันที่ 24 ก.ค. 2568

พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงต่อสื่อมวลชนว่า กัมพูชายืนยันอย่างหนักแน่นว่า กัมพูชาใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป้าหมายของกัมพูชาคือพื้นที่ทางทหารเท่านั้น ไม่เคยโจมตีพลเรือนแม้แต่รายเดียว

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา โดยนาย กุง โภค รัฐมนตรีช่วยฯ ระบุว่า ไทยได้ประกาศใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ซึ่งเป็นแผนเดียวกับที่ใช้ในเหตุการณ์ปะทะปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2554 ถือเป็นการเตรียมรุกรานโดยสมบูรณ์ มีการระดมกำลังทหาร อาวุธหนัก และเคลื่อนพลล่วงหน้าหลายวัน พร้อมอ้างว่าคำพิพากษาศาลโลกในปี 2505 และ 2556 ได้ยืนยันว่าพื้นที่ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาโดยชอบธรรม

แถลงการณ์ระบุว่า ถ้าการใช้แผนเพื่อรุกรานพื้นที่ซึ่งได้รับการยืนยันตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าเป็นของกัมพูชา ถือเป็นแผนดีจริงหรือ นี่คือการละเมิดอธิปไตยอย่างโจ่งแจ้งใช่หรือไม่

นอกจากนี้ กัมพูชายังแสดงความวิตกต่อการที่ไทยประกาศกฎอัยการศึกใน จ.ตราด และ จ.จันทบุรี ที่ติดกับ จ.เกาะกง และ จ.โพธิสัตว์ ของกัมพูชา รวมถึงการระดมกำลังและยุทโธปกรณ์เข้าสู่พื้นที่ชายแดนด้านบันเตียเมียนเจย ภายใต้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ที่กัมพูชาระบุว่าเป็นการปฏิบัติการเชิงรุกรอบใหม่

คำแถลงยังกล่าวหารัฐบาลไทยว่า มีการกล่าวหาเท็จเรื่องกับระเบิด และสร้างเหตุผลปลอมเพื่อกลบเกลื่อนการรุกรานที่แท้จริง เป็นพฤติกรรมที่จงใจและเตรียมการไว้ล่วงหน้า

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังเผยว่าการโจมตีของกองทัพไทยสร้างความเสียหายรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและพลเรือน โดยเฉพาะการใช้ระเบิดแบบ “คลัสเตอร์” และอาวุธหนักที่ถล่มหมู่บ้าน ตลาด สถานพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ไปจนถึงมรดกโลกอย่างปราสาทพระวิหาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน และขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งจะจัดขึ้นแบบปิดในช่วงบ่ายวันที่ 25 ก.ค. ตามเวลานิวยอร์ก โดยมี อาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำยูเอ็น ในฐานะประธาน UNSC ประจำเดือน เป็นประธานการประชุม

การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นจากจดหมายอย่างเป็นทางการของ สมเด็จฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ยื่นคำร้องต่อยูเอ็นเพื่อประณามไทยว่า เปิดฉากรุกรานโดยไม่มีเหตุอันชอบธรรม และเป็นแผนการล่วงหน้าที่ประสานจากระดับสูงสุดของรัฐบาลไทย.