เอ พศิน รับรู้สึกดีกับ เจนี่ แต่ต้องถอย เชื่อเรื่องหลุดจากคนใกล้ตัวฝ่ายหญิง
ไม่ได้อกหักจากเจนี่ เพราะตนไม่ได้คาดหวังในความสัมพันธ์ คิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป และมองว่าเรื่องความสัมพันธ์ที่มันหลุด หลุดจากคนใกล้ตัว เรื่องจะมีแค่เจนี่ เลขา และน้อง ๆ ในบริษัทรู้หมด แต่น้อง ๆ ในบริษัทของตนไม่รู้ เพราะตนสัญญาว่าจะไม่บอก แต่การที่เจนี่ไว้ใจใครมาก ๆ เขาก็จะบอกเพื่อเป็นพยานว่าจะทำสิ่งนี้ แล้วพอมันหลุดไปก็เหมือนเพื่อนหวงเพื่อน ลูกน้องหวงเจ้านาย ซึ่งตรงนี้ตนเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าข่าวมันหลุดออกมาในลักษณะไหน
สรุปแล้วจีบกันไหม คือตนยังไม่เคยพยายาม มันคือการทำงาน มันจีบไม่ได้ เขาเพิ่งแถลงข่าวไป มันควรจะผ่านเวลาไปประมาณปีนึงตนถึงจะเริ่ม ซึ่งพอถึงตรงนั้นตนอาจจะหมดพลังไปแล้วก็ได้ เพราะเราเห็นธรรมชาติของความเป็นผู้นำของเขา ซึ่งมองว่าผู้ชายที่จะอยู่ตรงนี้ได้ต้องมีความแกร่งมาก ๆ และต้องรักมาก ๆ ไม่ได้คิดจะจีบ แต่การที่เราจะทำงานกับเขา เราต้องนับถือเขา ตนนับถือในความอดทนของเขา การแสดงออกซึ่งมันตรงข้ามกับตัวตนของเขามาตลอด ตั้งแต่มีข่าวออกมาก็ยังไม่เคยคุยกับเขา ความห่วงใยมันก็คือพี่ชาย ระยะเวลาที่รู้จักกันประมาณ 3 เดือน เป็นช่วงโปรเจกต์ของการทำเหรียญ แต่ถ้าเป็นสเต็ปของการที่จะก้าวไปทำรายการ ตนบอกไว้ตรงนี้เลยว่าคนที่ห่วงใยและทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้นมา ตนก็จะขออนุญาตไม่ยุ่งด้วย อย่างวันหนึ่งตน เจนี่ อั้ม มานั่งแถลงข่าว มันก็จะเป็นการใช้สื่อเพื่อทำเป็นไวรัลให้คนสนใจ ด้วยความที่ตนเป็นสื่อมวลชนเหมือนกัน ตนขอไม่ร่วมด้วยดีกว่า
ยืนยันว่าไม่ได้จีบ แต่ที่บอกว่าถอยคือลูกของเราทำกิจกรรมอะไรด้วยกันอาจจะไม่มีแล้ว เพราะมันทำให้คนเข้าใจผิด จุดยืนของเราต่างกัน ตนอยู่กับความจริง อยู่กับความเปลี่ยนแปลง คนคนหนึ่งที่เขามีความสุขอยู่กับความเพอร์เฟกต์ในเรื่องของวิถีชีวิตมาตลอดแล้ว ภาพที่ออกมามันต้องสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะทำงานกับต่างประเทศได้ เขาไม่สามารถแสดงออกทางอารมณ์และความคิดได้อย่างเรา ซึ่งตรงนี้ถ้าเราเข้าไปแทรกแซงมันก็ไม่ใช่ เขามีคุณค่าเพราะเขาเป็นเขา แต่ที่เรานับถือเขาเพราะเขามีความไม่สมบูรณ์แบบหลายอย่างที่คล้ายเราเท่านั้นเอง
ส่วนประเด็นเรื่อง อั้ม ตนไม่รู้เหมือนกัน เขาก็อาจจะสนิทกันมากจริง ๆ ถึงขั้นข้ามเพศสภาพ บางทีอาจจะมองไปแล้วมันมีอะไรเกินเลยไปหรือเปล่า เพราะเราไม่ใช่เขา เราไปตัดสินไม่ได้