พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา จากแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประจำทุกวัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารไทย และ ทรงติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา จากแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประจำทุกวัน

วันนี้ (14 ส.ค.68) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “เรื่องเล่าจากแนวหน้า และ การรักษาอธิปไตยของชาติ” ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันแรกที่งประชาชน 2 ประเทศนัดเผชิญหน้ากัน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริเวณปราสาทตาเหมือนธม

เป็นเหตุให้คืนนั้นต้องตัดสินใจ ขออนุมัติผู้บังคับบัญชา ปิดปราสาทตาเหมือนธม ในเวลา 02.00 น. แต่พอรุ่งเช้า ทหารกัมพูชา เปิดฉากยิ่งใส่ทหารไทย  โดยใช้ปืนอัตโนมัติ ตลอดแนวมีการปะทะกันเกือบ 1,000 กิโลเมตร ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ไปจนถึง จ.บุรีรัมย์

เมื่อปะทะแล้วจึงใช้โอกาสขอคืนแผ่นดินไทย ตลอด 5 วัน 4 คืน ทหารไทยทำอย่างเต็มที่ ทวงคืนแผ่นดินคืน เช่น ภูมะเขือ ได้พื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่สูงทัศนียภาพดีกลับคืนมา

แต่เมื่อปะทะย่อมมีการสูญเสีย โดยเฉพาทหารกล้า 15 นาย และ เมื่อวานนี้ (13ส.ค.) ได้ไปเยี่ยมทหารที่ขาขาด นำเงินบริจาคไปมอบให้ ได้พบครอบครัวของทหาร ยังมีกำลังใจดี ยิ้มได้ ไม่เสียใจที่ต้องสูญเสีย

แม่ทัพภาคที่ 2 จึงบอกกับทหารไปว่า ไม่ต้องห่วงจะเป็นทหารต่อก็ได้ หรือจะพักผ่อนและให้ทายาทมาเป็นทหารต่อก็ได้ กองทัพจะดูแลอย่างดีที่สุด ให้ขาวิ่งได้เหมือนเดิม นี่คือตัวอย่างของทหารไทยที่ได้ทำเพื่อคนไทย

แม่ทัพภาคที่ 2 ยังนำข้อความจากทหารชายแดน ฝากมาบอกพี่น้องคนไทยด้วยว่า “สู้ ถ้าพี่น้องคนไทยสู้ ทหารก็สู้ เราสู้อยู่แล้ว ทหารบอกว่าไม่ต้องห่วง วันแม่แห่งชาติก็เลยฝากความคิดถึงมาถึงคุณแม่ บอกแม่ไม่ต้องห่วง ผมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขอแค่กำลังใจจากคนไทย”

นอกจากนี้ ยังมีทหารบาดเจ็บ แม้ยังไม่หายดี แต่ขอกลับไปสู่แนวรบใหม่ เพราะเป็นห่วงเพื่อน นี่คือทหารไทย เมื่อถึงเวลาแล้วจิตวิญญาณของลูกหลานพระนเรศวรพระมหาราชต้องอยู่กับพวกเรา ไม่ต้องห่วงว่าทหารไทยจะสู้หรือไม่ เพราะชัดเจนอยู่แล้วเพื่อแผ่นดินนี้ บรรพบุรุษเรารักษาไว้ เราต้องปกป้อง เราต้องผลักดันออกไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยได้สอบถามไปทางแม่ทัพทุกวัน มีการรายงานสถานการณ์ทุกวัน จอมทัพไทยในประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์เป็นองค์นำกองทัพ ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ปัจจุบันทหารยังอยู่หน้าแนว สถานการณ์จะเป็นอย่างไร จะยุติก็พร้อม จะรบต่อก็พร้อม กำลังใจทหารดี

แม่ทัพภาคที่ 2 ยังได้แนะนำเด็กนักเรียน เรื่องการใช้โซเชียล ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน  โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดความแตกความสามัคคี ใส่ร้ายคนอื่น เรื่องที่ทำให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนเกิดปัญหา ขอให้คิดไว้ก่อนว่า มันจริงหรือไม่ อย่าเชื่ออะไรโดยง่าย ยกตัวอย่างแม่ทัพเอง หากเชื่อสื่อมวลชน คงรบกับกัมพูชาไปนานแล้ว เพราะมีแต่คนเชียร์ให้รบ

และ นับจากวันนี้เป็นต้นไป แม่ทัพภาคที่ 2 อยากให้คนไทยทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกอายุกลับมา ดูผืนธงชาติไทยที่อยู่ข้างหน้า ดูให้ดีและจำให้ดีว่า สิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่กับแผ่นดินไทย ชั่วลูกชั่วหลาน ต้องช่วยกันรักษาสีธงชาติให้ครบ

สีแดง คือ ความเป็นชาติความเสียสละเลือดของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษพวกเรารักษาไว้ กว่าจะมีแผ่นดินนี้ดูมันยากลำบากยิ่งนัก

สีขาว คือ ศาสนา จะต้องยึดถือไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ก็สอนให้คนเป็นคนดีทั้งหมด ยึดมั่นในความดี เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนร่วมชาติ

สีน้ำเงิน คือ พระมหากษัตริย์ เป็นองค์ที่ก่อตั้งสร้างเมืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นจอมทัพที่นำคนไทยต่อสู้มาจนมีแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้

สามสีนี้ ขอให้พวกเราเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้กรอบเสียสละเสียสละ สามัคคีมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมชาติ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่าโกงกินบ้านเมือง ต้องเป็นผู้นำยุคใหม่ พวกเราต้องเป็นคนยุคใหม่ทำอะไรอย่าให้เหมือนเดิม จะทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง ไม่มีใครมาสู้กับประเทศไทยได้ ถ้าคุณให้เป็นหนึ่งเดียว